เมื่อพูดถึง “แก้ว” แล้ว หลายๆ คนก็มักจะคุ้นเคยกับบทบาทหน้าที่สำคัญคือ “การใส่เครื่องดื่ม” เพื่อเสิร์ฟให้กับลูกค้า ซึ่งความหลากหลายของรูปแบบแก้วที่เปลี่ยนไปทำให้แก้วไม่จำเป็นต้องใส่แต่น้ำ แต่ยังสามารถนำมาใส่อาหารทำให้อาหารเมนูนั้นๆ มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นได้อีกด้วย

Verrines Style การดีไซน์อาหารใส่แก้ว

เชื่อว่าเราคงเคยเห็นกันมาบ้างไม่มากก็น้อย สำหรับการจัดอาหารใส่แก้วเล็ก ที่ตกแต่งอย่างสวยงามพอดีคำ หรือที่เราอาจคุ้นเคยและเรียกกันติดปากว่า “อาหารคอกเทล” แต่ทั้งนี้ รูปแบบแนวคิดของการจัดอาหารใส่แก้วเล็กนั้น มีต้นกำเนิดมาอย่างยาวนานแล้วที่ประเทศฝรั่งเศส ตั้งแต่เมื่อปี ค.ศ. 1970 โดยเรียกกันว่า “Verrines” หรือ “แวร์รีน” ซึ่งมีความหมายว่า “แก้ว” โดยการจัดอาหารใส่แก้วเล็กแบบ Verrines Style นั้น ทำขึ้นเพื่อสร้างความแตกต่างให้กับอาหาร โดยจะเลือกใช้วัตถุดิบที่แปลกใหม่ นำมาจัดทำเป็นเมนูที่ไม่ซับซ้อน แต่เน้นความวิจิตรตระการตาของการตกแต่งมากกว่า เพื่อให้คนทานได้รับประสบการณ์ที่พิเศษกว่าเดิม และหลีกเลี่ยงความจำเจที่ดูน่าเบื่อ ซึ่งหลังจากที่การจัดอาหารแบบ Verrines เกิดขึ้น ก็ได้รับความนิยมแพร่หลายมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระจายไปทั่วโลก

จัดอาหารใส่แก้ว แล้วได้ประโยชน์อะไรบ้าง?

แน่นอนว่าการจัดอาหารใส่แก้วนั้น สิ่งที่เป็นประโยชน์ชัดเจนที่สุดเลยก็คือ “การได้สร้างประสบการณ์ความแปลกใหม่ในเรื่องหน้าตาอาหารให้กับลูกค้า” แต่นอกจากนั้นแล้ว ก็ยังมีประโยชน์อื่นๆ ของการจัดอาหารใส่แก้วอีก ได้แก่

1. สะดวกต่อการรับประทาน เพราะด้วยความที่อาหารถูกจัดเซ็ตไว้เป็นแก้ว พอดีคำ จึงทำให้ลูกค้าหยิบทานได้ง่าย รวดเร็ว และไม่ยุ่งจาก นั่นเองเราจึงพบเห็นตามงานจัดเลี้ยง ที่นิยมทำไลน์อาหารแบบจัดใส่แก้วคอกเทล เพื่อให้เหมาะกับการเดินหยิบรับประทาน อันนำมาซึ่งบรรยากาศที่ราบรื่นและไม่วุ่นวายของการหยิบอาหารในคนหมู่มากนั่นเอง

2. กลายเป็นเซ็ตอาหารเพื่อสุขภาพ ด้วยเพราะการจัดอาหารให้แก้วเป็นแบบพอดีคำนั้น ทำให้ผู้ทานสามารถกำหนดปริมาณในการรับประทานอาหารของตัวเองได้ง่าย ส่งผลต่อเป้าหมายที่หากต้องการควบคุมอาหาร ลดน้ำหนัก ก็สามารถทำได้แบบไม่ซับซ้อน คือมีลิมิทของตัวเองว่า จะทานกี่แก้วดี หรือหากร้านอาหารร้านไหนสนใจ อยากจะครีเอทขึ้นมาเป็นเซ็นเมนูอาหารใส่แก้วเพื่อสุขภาพ ก็ย่อมได้ ซึ่งนับเป็นเซ็ตอาหารที่เก๋ มีสไตล์ และมีเป้าหมายในการทานอย่างชัดเจนด้วย

3. ร้านอาหารควบคุมต้นทุนได้ดีขึ้น ด้วยเพราะการจัดอาหารใส่แก้วนั้น ทำให้ลูกค้าทานได้ในปริมาณทีละนิด ซึ่งโดยมากแล้ว พอทานไปสัก 2 ถึง 3 แก้ว ก็จะรู้สึกว่ามากไปแล้ว และเกิดความเกรงใจที่จะหยิบหลายๆ แก้วเพื่อให้ทานได้อิ่ม ดังนั้น จึงทำให้สามารถกำหนดปริมาณวัตถุดิบได้น้อยกว่าเดิมได้ เพราะเน้นเป็นการทานเล่นเสียมากกว่า จึงทำให้แต่เดิม สมมุติว่าเราจะต้องเตรียมวัตถุดิบเพื่อทำอาหารทานเล่นสำหรับคน 100 คน ก็อาจปรับลดวัตถุดิบลงมาให้เหลือเป็นทำอาหารใส่แก้วเล็กให้ได้ประมาณ 150 แก้วก็พอ ซึ่งแน่นอนว่า จะช่วยลดปริมาณต้นทุนวัตถุดิบไปได้เยอะเลยทีเดียว แต่ลูกค้าก็ยังสามารถได้รับของรับประทานทั่วถึงทุกคน

โดยสรุปแล้วสำหรับการทำร้านอาหารให้มีความแปลกใหม่นั้น การเลือกใช้แก้วหลากหลายรูปแบบ มาจัดใส่อาหารให้ดูดี ถือเป็นทางเลือกหนึ่งที่ทำได้อย่างง่ายดาย และสามารถเพิ่มมูลค่าของอาหารขึ้นได้ ด้วยการจัดเป็นเซ็ตเมนูพิเศษ หรือการลดต้นทุนควบคุมปริมาณให้น้อยลงได้ ตามขนาดของแก้วหรือภาชนะที่เปลี่ยนไป ซึ่งลูกค้าก็จะได้ประสบการณ์ที่แปลกใหม่ไปแทน หรือในอีกแง่หนึ่ง เราก็ยังสามารถนำแก้วไปใช้ประโยชน์อื่นได้นอกเหนือจากใส่อาหาร คือ เช่นนำไปใส่ดอกไม้ เพื่อตกแต่งร้าน นำไปดีไซน์วางเป็นของประดับตกแต่ง หรือนำไปใช้บรรจุใส่น้ำซอส น้ำจิ้ม น้ำสลัด สำหรับเสิร์ฟเคียงอาหารแต่ละจาน ก็จะเป็นการสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างให้กับลูกค้าได้ ซึ่งก็จะช่วยยกระดับร้านอาหารของเราให้ดูดีขึ้น และสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าได้มากกว่าร้านอื่นๆ ทั่วไป

This will close in 0 seconds